วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

2,733 Fibrinolysis for patients with intermediate-risk pulmonary embolism

Original article
N Engl J Med   April 10, 2014

ที่มา: บทบาทของการใช้ยาละลายลิ่มเลือด (fibrinolytic therapy) ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางต่อการเกิดลิ่มเลือดปอดอุดตันยังไม่เป็นที่ชัดเจน
รูปแบบการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบ randomized, double-blind เพื่อเปรียบเทียบการให้ tenecteplase + heparin VS ยาหลอก + heparin ในผู้ป่วยความดันโลหิตปกติมีความเสี่ยงระดับปานกลางต่อการเกิดลิ่มเลือดปอดอุดตัน เกณฑ์การคัดเลือกผู้ป่วยคือการมีความผิดปกติของหัวใจห้องล่างซ้ายจากการตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์หัวใจหรือการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ รวมทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจโดยมีผลบวกจากการตรวจ troponin I หรือ troponin T
ผลลัพธ์หลักคือการเสียชีวิตหรือการสูญเสียการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต (หรือมีความล้มเหลว) ภายใน 7 วันหลังการสุ่ม ผลลัพธ์หลักด้านความปลอดภัยคือการมีเลือดออกภายนอกกระโหลกศรีษะและการขาดเลือดหรือการมีเลือดออกในสมองภายใน 7 วันหลังจากการสุ่ม
ผลการศึกษา: ผู้ป่วย 1,006 คนได้รับการสุ่ม, โดย 1,005 คน ถูกรวบรวมอยู่ในการศึกษา พบการเสียชีวิตหรือการสูญเสียการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต 13 คนจาก 506 คน (2.6%) ในกลุ่มที่ได้ tenecteplase เปรียบเทียบกับ 28 คนจาก 499 คน (5.6%) ในกลุ่มที่ได้ยาหลอก (odds ratio, 0.44; 95% confidence interval, 0.23 to 0.87; P=0.02) ระหว่างการสุ่มและวันที่ 7 พบมี 6 คน (1.2%) ในกลุ่มที่ได้ tenecteplase และ 9 คน (1.8%) ในกลุ่มที่ได้ยาหลอกเสียชีวิต (p = 0.42) การมีเลือดออกภายนอกกระโหลกศรีษะเกิดขึ้นในผู้ป่วย 32 คน (6.3%) ในกลุ่ม tenecteplase และ 6 คน (1.2%) ในกลุ่มยาหลอก (p น้อยกว่า 0.001) โรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ 12 คน (2.4%) ในกลุ่ม tenecteplase โดยเป็นการมีเลือดออก 10 คน และพบว่ามี 1 ราย (0.2%) ในกลุ่มยาหลอกเกิดโรคหลอดเลือดสมองโดยเป็นชนิดมีเลือดออก (p = 0.003) และในวันที่ 30 พบว่า 12 คน (2.4%) ในกลุ่ม tenecteplase และ 16 คน (3.2%) ในกลุ่มยาหลอกเสียชีวิต (p = 0.42)
สรุป: ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางต่อการเกิดลิ่มเลือดปอดอุดตัน การรักษาด้วยการละลายลิ่มเลือดช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต แต่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกที่สำคัญและโรคหลอดเลือดสมอง

อ้่างอิงและอ่านต่อโดยละเอียด http://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa1302097

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น