Lactate เป็น maker ของสภาวะที่เซลขาดออกซิเจน (cellular hypoxia) ซึ่งขบวนการ glycolysis ที่เกิดขึ้นใน cytoplasm ซึ่งอยู่นอก mitochondria ภายใต้สภาวะ anaerobic จะได้ผลิตภัณฑ์สุดท้าย คือ lactate รวมถึงการกำจัดออกของไตและตับลดลงก็จะทำให้มีการคั่งค้างมากยิ่งขึ้น
พบว่าระดับที่มากกว่า 4 มิลลิโมล/ลิตร พบว่ามีอัตราการเสียชีวิต 27% ถ้าอยู่ระหว่าง 2.5-4 มิลลิโมล/ลิตร มีอัตราการเสียชีวิต 7% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีระดับน้อยกว่า 2.5 มิลลิโมล/ลิตร จะมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่น้อยกว่า 5%
ผู้ที่มีระดับต่ำกว่า 2.5 มิลลิโมล/ลิตร มีค่าครึ่งชีวิตประมาฯ 20 นาที แต่ในภาวะ sepsis หรือ septic shock จะมี lactate สูงอยู่อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากมีการสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยน และร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ทัน การตรวจวัดเป็นช่วงๆ เช่นทุก 30 นาที ก็ช่วยในการประเมินผู้ป่วยได้มาก
พบว่าหลังจากให้การรักษาแล้ว 6 ชม. ระดับ (lactate clearance) จะลดลง 10% และการที่ระดับ lactate ลดลงพบว่าการใช้ vasopressor therapy จะลดลงด้วย และอัตราการเสียชีวิตก็ลดลง
สภาวะอื่นที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของระดับ lactate ได้แก่ ภาวะที่ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวภาวะขาดน้ำ, การบาดเจ็บ, การมีอุณหภูมิร่างกายสูง, ชัก, การมีภาวะ lactic acidosis
โดยมีค่าอ้างอิงแตกต่างกันไปบ้าง เช่น น้อยกว่า 2.0 มิลลิโมล/ลิตร, น้อยกว่า 2.3 มิลลิโมล/ลิตร (ตามอ้างอิงด้านล่าง) ส่วนใน Harrison ใช้ที่น้อยกว่า 1.7 มิลลิโมล/ลิตร การเก็บเลือดตรวจให้ทำโดยไม่ต้องทำ tourniquet เพราะจะทำให้ค่าสูงขึ้น รวมถึงไม่ควรออกกำลังมือและแขนหรือเกร็งแขนก่อนเจาะเลือด
Ref: การรักษาระบบไหลเวียนโลหิตในผู้ป่วยช็อคจากการติดเชื้อในผู้ใหญ่
บดินทร์ ขวัญนิมิตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น