หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

2,104 ข้อควรทราบเรื่องการให้ยาต้านเกล็ดเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือดในผู้ป่วย STEMI

ACC/AHA guideline update for management of ST-segment elevation MI
Am Fam Physician 2009 JUN 15; 79 (12) : 1080-1086

ASA
-ให้ ASA 75-162 มก./วัน ตลอดไป ในกรณีไม่มีข้อห้าม
-เพิ่มเป็น 162 -325 มก./วัน ในผู้ป่วยที่ใส่ bare-metal stent โดยให้ 1 เดือน ถ้าใส่ drug-eluting stent
ให้ 3 เดือน สำหรับ sirolimus (rapamune) และ 6 เดือนสำหรับ paclitaxel (taxol) หลังจากนั้นลดขนาดเป็น 75-162 มก./วัน ตลอดไป
-ถ้าคำนึงว่าจะมีปัญหาเลือดออกสามารถให้ในขนาดที่ต่ำลงได้ภายหลังการใส่ stent
Clopidogrel
-หลังจาก PCI + ใส่ stent ให้ clopidogrel 75 มก./วัน โดยในผู้ป่วยที่ใส่ bare-metal stent ให้อย่างน้อย 1 เดือนและให้ได้ถึง 12 เดือน (ให้ 2 สัปดาห์ถ้าผู้ป่วยมีความเสี่ยงของเลือดออกเพิ่มมากขึ้น) ถ้าใส่ drug -eluting stent ให้อย่างน้อย 12 เดือน ถ้าไม่มีความเสี่ยงเรื่องเลือดออก
-การให้ในระยะยาว (ให้เป็นเวลา 1 ปี) เป็นสิ่งที่มีเหตุผลใน STEMI โดยไม่คำนึงถึงว่าจะมีการกลับมามีการใหลเวียนใหม่โดยการใช้ยาละลายลิ่มเลือด
-หลังจากทำ PCI โดยไม่ได้ใส่ stent ให้อย่างน้อย 14 วัน
Warfarin
-ในผู้ป่วย STEMI ที่มีข้อบ่งชี้ของการให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น AF, LV thrombus โดยให้ INR อยู่ที่ 2.0-3.0
-โดยติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะการให้ warfarin ร่วมกับ ASA และ clopidogrel จะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงเลือดออกที่เพิ่มขึ้น
-ในกรณีที่ต้องใช้ยาทั้ง 3 ร่วมกัน ให้ warfarin โดยให้ INR อยู่ที่ 2-2.5 ร่วมกับ ASA ขนาดต่ำ (75-81 มก.) clopidogrel ขนาด 75 มก.

Ref: http://www.aafp.org/afp/2009/0615/p1080.html

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19/11/55 21:25

    clopidogrel : การให้ในระยะยาวเป็นสิ่งที่มีเหตุผลใน STEMI โดยไม่คำนึงถึงว่าจะมีการกลับมามีการใหลเวียนใหม่โดยการใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือไม่
    อยากถามว่าถ้าให้ ยาในกลุ่มของ streptokinase ก็จะให้ clopidogrel นานเท่าใดครับ

    ตอบลบ
  2. ประมาณ 1 ปี (พอดีลืมเติมลง ตอนนี้เติมลงแล้วครับ) ขอบคุณสำหรับคำถามครับ

    ตอบลบ