หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

2,089 ความสำคัญของ fragmented QRS complexes ในการระบุถึงเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุ (culprit vessel) ในผู้ป่วย non-ST-elevation MI

Significance of fragmented QRS complexes for identifying culprit lesions in patients with non-ST-elevation myocardial infarction
BMC Cardiovascular Disorders 2012, 12:44

ทีมา Fragmented QRS complexes (fQRS) เป็นลักษณะใหม่ ของ EKG ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล่าช้าในการนำกระแสไฟฟ้าของกล้ามเนื้อหัวใจตายในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease, CAD) โดยความสำคัญของ fQRS ในการระบุถึงเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุ (culprit vessel) ได้รับการประเมินในการศึกษาแบบย้อนหลัง
วิธีการศึกษา ตรวจ EKG12-lead ในผู้ป่วย 183 คนที่เป็น non-ST-elevation myocardial infarction (NSTEMI)) และต่อมาได้ทำ coronary angiography (CAG), โดยใช้พื้นฐานของความถี่ของการเกิด fQRS, ซึ่งจะดูดัชนีต่างๆ เช่น ความไว, ความจำเพาะ, positive and negative predictive value และ  likelihood ratio เพื่อประเมินและตรวจสอบความสามารถของ fQRS ในการระบุเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุ
ผลการศึกษา ในระหว่างการศึกษา พบว่าผู้ป่วยสูงอายุ (อายุตั้งแต่ 65 ปี) และผู้ที่มีโรคเบาหวานมีความถี่มากขึ้นของ fQRS complexes อย่างมีนัยสำคัญ (p = 0.005, p = 0.003 ตามลำดับ),  fQRS complexes ได้รับการบันทึกไว้ใน 4 precordial leads โดยมีความจำเพาะสูงสุด (81.8%) ในการระบุเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุ (left anterior descending artery, LAD) แต่อย่างไรก็ตามความเฉพาะของ fQRS complexes ในการระบุรอยโรคในหลอดเลือด left circumflex และ right coronary arteries ของ inferior และ lateral leads ต่ำกว่าของ limb leads (65.5% เทียบกับ 71.7%), แต่อย่างไรก็ตาม  limb leads มีความไวสูงกว่า (92.3% เมื่อเทียบกับ 89.4%) และพบว่าความไวโดยรวมและความจำเพาะของ fQRS (77.1% และ 71.5%) มีค่าสูงกว่าค่า ischemic T-waves
สรุป แม้ว่าจะมีการรายงานเกี่ยวกับการใช้ fQRS ว่าเป็นเครื่องหมายของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและรอยแผลเป็นของกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดขึ้นนานแล้ว แต่ยังเป็นที่ทราบไม่มากเกี่ยวกับความสำคัญของการวินิจฉัย fQRS ในผู้ป่วยที่เป็น NSTEMI โดยพบว่า fQRS complexes เกิดขึ้นบ่อยในผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งมี NSTEMI ควบคุม ความถี่ fQRS บันทึกไว้ในแต่ละ lead ของคลื่นไฟฟ้าหัวใจสามารถระบุเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุ (culprit vessel) และนี่คือสิ่งที่ประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเส้นเลือด LAD เป็นสาเหตุสำคัญ นอกจากนี้ความถูกต้องวินิจฉัย fQRS มีนัยสำคัญสูงกว่า ischemic T-waves ในการวินิจฉัยของ NSTEMI
ข้อจำกัด พบว่ามีข้อจำกัดหลายประการของการศึกษานี้ ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ค่อนข้างเล็กซึ่งจำกัดค่าในการวินิจฉัยทางคลินิก ดังนั้นข้อมูลเพิ่มเติมจากการศึกษาแบบไปข้างหน้ามีความจำเป็นในการศึกษาประชากรที่มีขนาดใหญ่เพื่อยืนยันผลการศึกษาในครั้งนี้ นอกจากนี้ เวลาที่ fQRS คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นใน ECG และกลไกที่แน่นอนของ fQRS ยังไม่เป็นที่ทราบในปัจจุบัน ประโยนช์ของ fQRS ในการระบุเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุในผู้ป่วย NSTEMI ร่วมกับประวัติของการทำ PCI หรือ CABG ต้องการการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อไป
ตัวอย่างของ fragmented QRS complexes

Ref: http://www.biomedcentral.com/1471-2261/12/44

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น