หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

2,102 ข้อควรทราบเรื่องการให้แอสไพรินและการให้ยาต้านเกล็ดเลือดตัวที่สองในผู้ป่วย acute coronary syndrome ชนิด unstable angina/non ST elevation myocardial infarction

เราสามารถพบผู้ป่วย acute coronary syndrome ชนิด unstable angina/non ST elevation myocardial infarction (NSTEMI) เรื่อยๆ อาจจะสงสัยจำนวนของยาต้านเกล็ดเลือดที่จะต้องให้ ขนาดของยา ระยะเวลาในการให้ลองมาทบทวนการให้ยาต้านเกล็ดเลือดจากแนวทางในปัจจุบันของ ACCF/AHA กันหน่อยนะครับ

2011 ACCF/AHA Focused Update of the Guidelines for the Management of Patients With Unstable Angina/ Non–ST-Elevation Myocardial Infarction 

-สำหรับ UA/NSTEMI ที่ได้รับการรักษาโดยไม่ได้ใส่ stenting, ให้ ASA ขนาด 75 - 162 มก./วัน ตลอดไป (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: A), ให้ clopidogrel 75 มก./วันอย่างน้อย 1 เดือน และสามารถให้ได้ถึง 1 ปี (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B)
-สำหรับ UA/NSTEMI ที่ได้รับการรักษาโดยการใส่ bare-metal stent (BMS), ให้ ASA ขนาด 162 - 325 มก./วัน อย่างน้อย 1 เดือน (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B), หลังจากนั้นให้ ASA ขนาด 75 - 162 มก./วัน ตลอดไป (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: A) โดยยาต้านเกล็ดเลือดตัวที่สองหรือยาในกลุ่ม thienopyridine พิจารณาให้ clopidogrel 75 มก./วัน หรือ prasugrel 10 มก./วัน อย่างน้อย 12 เดือน (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B) แต่ถ้าพบว่าความเสี่ยงจากการมีเลือดออกมากว่าประโยชน์ที่จะได้รับให้พิจารณาหยุดยาต้านเกล็ดเลือดตัวที่สองหรือยาในกลุ่ม thienopyridine
-สำหรับ UA/NSTEMI ที่ได้รับการรักษาโดยการใส่ drug-eluting stent (DES), ให้ ASA ขนาด 162 - 325 มก./วัน อย่างน้อย 3 เดือนหลังการใส่ sirolimus-eluting stent และ 6 เดือนหลังการใส่ paclitaxel-eluting stent (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B), หลังจากนั้นให้ ASA ขนาด 75 - 162 มก./วัน ตลอดไป (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: A). โดยยาต้านเกล็ดเลือดตัวที่สองหรือยาในกลุ่ม thienopyridine พิจารณาให้ clopidogrel 75 มก./วัน หรือ prasugrel 10 มก./วัน อย่างน้อย 12 เดือน (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B) แต่ถ้าพบว่าความเสี่ยงจากการมีเลือดออกมากว่าประโยชน์ที่จะได้รับให้พิจารณาหยุดยาต้านเกล็ดเลือดตัวที่สองหรือยาในกลุ่ม thienopyridine
-Clopidogrel 75 มก./วัน หรือ (พิจารณาให้เป็นลำดับแรก) หรือ ticlopidine (โดยไม่มีข้อห้าม) ควรจะให้ในผู้ป่วยที่ดีขึ้นจาก UA/NSTEMI เมื่อมีข้อห้ามของการใช้ ASA หรือไม่สามารถทนต่อการใช้ยาได้อันเนื่องมาจากความไวของร่างกายต่อยา-การแพ้ยา (hypersensitivity) หรือผลแทรกซ้อนในระบบทางเดินอาหาร (ถึงแม้จะมีการใช้ยาป้องกัน เช่นยา proton-pump inhibitors, PPIs] แล้ว) (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B)
-สำหรับ UA/NSTEMI ซึ่งมีข้อบ่งชี้ในการให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด การให้ยา warfarin ร่วมด้วยเป็นสิ่งที่มีเหตุผล โดยให้ระดับให้ระดับ INR อยู่ที่ 2.0- 3.0 (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: B)
-อาจพิจารณาให้ clopidogrel หรือ prasugrel ต่อไปถึง 15 เดือน ในผู้ป่วยซึ่งใส่ DES (ระดับของข้อมูลหลักฐาน: C)

Ref: http://circ.ahajournals.org/content/123/18/2022/T5.expansion

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19/11/55 05:50

    ไม่ทราบมีของ STEMI ไหมครับอาจารย์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ลงให้แล้วนะครับ
      http://www.phimaimedicine.org/2012/11/2104-stemi.html

      ลบ
  2. เดี๋ยวจะดูให้นะครับ

    ตอบลบ
  3. SinwisuthRx1/12/55 08:24

    PCI ถ้าตาม evident ตอนนี้ antiplatelet ตัวที่สองน่าจะเป็น Ticargrelor > Prasugrel > Clopidogrel
    ส่วนกรณีไม่ใส่ stent ตามหลักฐาน Ticargrelor > Clopidogrel > Prasugrel

    Ticargrelor มีประเด็นเรื่องการให้ร่วมกับ ASA ในขนาดไม่เกิน 100 mg
    ในขณะที่ Prasugrel มีประเด็นเรื่องไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 60 kg, ประวัติ TIA/Stroke และในคนที่มีอายุมากกว่า 75 ปี

    ผมยังไม่เคยเห็น prasugrel แต่ตอนนี้ ticargrelor เริ่มมีในโรงเรียนแพทย์บางแล้วครับ


    PS : เจ้าของบล็อค Sangkha-Medicine เค้าเลิกทำ blog แล้วเหรอครับ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ครับ เคยเมลไปถามน้องแบนเจ้าของบล็อคแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตอบกลับมาเลยครับ

    ตอบลบ