หน้าเว็บ

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

1,975 ขนาดของยา allopurinol ที่เริ่มให้เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดกลุ่มอาการที่ไวต่อยา (allopurinol hypersensitivity syndrome)

Starting dose is a risk factor for allopurinol hypersensitivity syndrome: A proposed safe starting dose of allopurinol
Arthritis Rheum. 2012 Aug;64(8)

วัตถุประสงค์ Allopurinol เป็นยาที่ใช้ลดยูเรตในโรคเกาต์ซึ่งใช้มากที่สุด กลุ่มอาการที่ไวต่อยานี้ (allopurinol hypersensitivity syndrome, AHS) เป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ซึ่งพบน้อย แต่อาจร้ายแรงจนก่อให้เกิดการเสียชีวิตขึ้นได้ แนวทางของขนาดยาขึ้นอยู่กับค่าการชำระครีแอทินีน (creatinine clearance) ได้ซึ่งรับการนำเสนอจากความรู้ที่ว่า ขนาดตั้งแต่ 300 มก./วัน อาจจะเกี่ยวข้องกับการเกิด AHS โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของไต
อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างขนาดเริ่มต้นของยา allopurinol และการเกิด AHS ยังไม่เป็นที่ทราบ การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา allopurinol และการเกิด AHS
วิธีการศึกษา เป็นการ retrospective case-control study ของผู้ป่วยด้วยโรคเกาต์ที่เกิด AHS ระหว่างเดือนมกราคมปี 1998 ถึงกันยายนปี 2010 สำหรับผู้ป่วยแต่ละคนที่เกิด AHS จะได้รับการเปรียบเทียบกับผู้ป่วย 3 คนที่เป็นกลุ่มควบคุมซึ่งเป็นโรคเกาต์ที่ได้รับ allopurinol แต่ไม่ได้เกิด AHS
ผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมได้รับการจับคู่กับผู้ป่วยที่ศึกษาในเรื่องของเพศ การใช้ยาขับปัสสาวะในช่วงเวลาที่เริ่ม allopurinol, อายุ (± 10 ปี) และการประเมินอัตราการกรองของไต (estimated glomerular filtration rate, estimated GFR) ขนาดยาเริ่มต้นและขนาดยาในช่วงเวลาที่เกิดปฏิกิริยาได้รับการเปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยเป็นกลุ่มศึกษาและที่เป็นกลุ่มควบคุม
ผลการศึกษา โดยมีผู้ป่วยที่เกิด AHS 54 คน และผู้ป่วยควบคุม 157 คน พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงของ AHS ในช่วงเริ่มต้นของการให้ยา ซึ่งได้มีการปรับอัตราการกรองของไตที่เพิ่มขึ้น สำหรับ quintile สูงสุดของการขนาดที่เริ่มการรักษาต่ออัตราการกรองของไต มี odds ratio เป็น 23.2 (p น้อยกว่า 0.01) จากการวิเคราะห์แบบ receiver operating characteristic ชี้ให้เห็นว่า 91% ของ AHS และ 36% ของกลุ่มควบคุมได้รับยา allopurinol เริ่มต้นที่มากกว่า 1.5 mg ต่อหน่วยของ GFR (นาที mg/ml /minute)
สรุป ผลการวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าขนาดเริ่มต้นของ allopurinol ที่ 1.5 มิลลิกรัมต่อหน่วยของอัตราการกรองของไต อาจจะเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงของ AHS และในผู้ป่วยที่ทนต่อ allopurinol ได้ สามารถจะค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้นเพื่อให้ระดับของยูเรตในเลือดบรรลุตามเป้าหมาย

Ref: http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22488501?dopt=Abstract

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น