Journal watch, medicine that matters
การศึกษาก่อนหน้านี้ มีการระบุว่าการมีระดับดีเอ็นเอของไวรัสตับอักเสบบี (HBV DNA) ) สูงเป็นปัจจัยเสี่ยงอิสระ ( independent risk factor ) ของการเกิดโรคตับแข็ง (cirrhosis) และมะเร็งตับ (hepatocellular carcinoma, HCC) ในผู้ป่วยที่มีไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง นอกจากนี้แม้ว่าดีเอ็นเอไวรัสตับอักเสบบีในระดับต่ำก็มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเล็กน้อยสำหรับการเกิด HCC
นักวิจัยจึงต้องการประเมินดูระดับ hepatitis B surface antigen (HBsAg) ที่สามารถทำนายการเกิด HCC ในผู้ป่วยที่มี HBV DNA ในระดับต่ำ
ในการศึกษานี้ นักวิจัยลงทะเบียนผู้ป่วยชาวไต้หวัน 2,688 คน ที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ที่มี HbsAg ให้ผลบวก การมี HBV DNA ระดับต่ำหมายถึงน้อยกว่า 2,000 IU/ml ผู้ป่วยที่ได้รับการประเมินทุก 3 ถึง 6 เดือน ระดับ HbsAg พื้นฐานได้รับบันทึกไว้ ส่วน HCC ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์มาตรฐานด้าน imaging หรือการตรวจชิ้นเนื้อ ในช่วงการติดตามเป็นระยะเวลาเฉลี่ย 14.7 ปีที่ มี 191 คนที่เกิด HCC โดยมีอัตราอุบัติการณ์เฉลี่ยทั้งปี 0.5 %
สำหรับการศึกษาแบบไปข้างหน้าพบว่าระดับ HBV DNA เหนือกว่าระดับ HbsAg ในการทำนายการเกิด HCC (P น้อยกว่า 0.001) และในบรรดาผู้ป่วยที่มีระดับ HBV DNA ต่ำ, อายุมาก, เพศชาย, alanine aminotransferase สูงขึ้น, ระดับ HBsAg level 1000 IU/ml มีความสัมพันธ์อย่างอิสระกับการเกิด HCC แต่ระดับ HBV DNA ไม่มีความสัมพันธ์
ในการวิเคราะห์หลายตัวแปร (multivariate analysis) ผู้ป่วยที่มีระดับของ HbsAg 1000 IU/ml จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเกือบ 14 เท่าสำหรับการเกิด HCC เมื่อเทียบกับผู้ที่มีระดับตรวจ HbsAg น้อยกว่า 1000 IU/ml (adjusted hazard ratio13.7; confidence interval 95% 4.8-39.3)
อ่านต่อ http://gastroenterology.jwatch.org/cgi/content/full/2012/504/1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น