หน้าเว็บ

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

1,687. ความแตกต่างระหว่าง ยากันเลือดแข็งตัว ยาต้านเกล็ดเลือดและยาสลายลิ่มเลือด

นอกจากผู้รับบริการแล้วผู้ให้บริการทางการแพทย์เองก็อาจเรียกชนิดของยาต่างๆ เหล่านี้สลับกันไปมา ลองมาทบทวนความแตกต่างของยากลุ่มเหล่านี้กันดูนะครับ
ยากันเลือดแข็งตัว (anticoagulants) 
อาจแบ่งคร่าวๆ ได้เป็น 2 กลุ่มคือ heparin และ warfarin
1. Heparin ขัดขวางการแข็งตัวของเลือด โดยจับกับ antithrombin III (AT III) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปทรง (conformation) ของ AT III ทำให้ AT III จับกับโมเลกุลของ factor IIa ได้รวดเร็วขึ้นประมาณ
1000 เท่า ยาจึงออกฤทธิ์ไดเร็วมาก factors อื่นๆ ที่ถูกขัดขวางโดย AT III-heparin เช่น XIIa, kallikrein, XIa, IXa, Xa เชื่อว่าฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือดโดย heparin เกิดจากผลของยาต่อการทำงานของ factor IIa และ Xa เป็นส่วนใหญ่
2. Warfarin ออกฤทธิ์ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด โดยขัดขวางการทำงานของไวตามินเค ซึ่งเป็นสารจำเป็นในการสร้างfactors II, VII, IX, X ในตับ
ยาต้านเกล็ดเลือด (antiplatelet drugs, antithrombotic drugs) ออกฤทธิ์โดยขัดขวางการจับตัวกันของเกล็ดเลือดและการเกาะของเกล็ดเลือดกับผนังหลอดเลือด โดบทฤษฎีแล้วยากลุ่มนี้น่าจะใช้ได้ผลดีใน thrombotic disease ที่เกิดในหลอดเลือดแดงเพราะลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงประกอบด้วยเกล็ดเลือดเป็นส่วนใหญ่ มี fibrin น้อย เกล็ดจึงมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคดังกล่าว ยากลุ่มนี้ประกอบไปด้วย
1. Aspirin
2. Dipyridamole
3. Ticlopidine
ยาสลายลิ่มเลือด (thrombolytic drugs, fibrinolytic drugs) ออกฤทธิ์โดยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง plasminogen ให้เป็น plasmin สารนี้มีคุณสมบัติเป็น protease ซึ่งจะย่อย fibrin ในลิ่มเลือด ทำให้ลิ่มเลือดสลายตัว ยากลุ่มนี้ใช้ในการรักษา pulmonary embolism, deep venous thrombosis และ myocardial infarction
ยากลุ่มนี้ประกอบไปด้วย
1. Streptokinase
2. Urokinase
3. Tissue plasminogen activator (t-PA)

Ref: http://cdn.learners.in.th/assets/media/files/000/007/205/original_Anticoagulants.pdf?1285273496

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น