ผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณร้อยละ 9 (แตกต่างกันได้ประมาณร้อยละ 6-14) ซึ่งการติดเชื้อจะทำให้เกิดผลทางคลินิกหลายอย่าง เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดตับอักเสบรุนแรงในผู้ที่รับประทานยาต้านไวรัส การเสียชีวิตจากพยาธิสภาพของตับสูงกว่าในผู้ที่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 3 เท่า ดังนั้นการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวางแผนการรักษาพิจารณาสูตรยาต้านไวรัสในผู้ติดเชื้อร่วมด้วย และพิจารณาฉีดวัคซีนในผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน การตรวจหาโดยการตรวจ anti-HBc, anti-HBs และ HBsAg
Ref: แนวทางการตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ระดับชาติ ปี พ.ศ. 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น