การอัลตร้าซาวด์เป็นเครื่องมือในการคัดกรองที่ดีมากอันหนึ่งเพื่อประเมินภาวะการทำงานของไตที่ลดลง แต่อัลตร้าซาวด์สามารถพบว่าปกติได้ในโรคไตบางอย่าง โดยเฉพาะภาวะที่เลือดไปเลี้ยงไตลดลงด้วยสาเหตุต่างๆ (prerenal azotemia) และ acute parenchymal renal disease การมี echogenic ของไตเพิ่มขึ้นบ่งบอกถึงการมีโรคของ parenchymal renal disease โดยไตจะมีขนาดปกติ ถ้าพบไตขนาดเล็กจะสงสัยโรคไตวายเรื้อรังที่เป็นมากแล้ว ส่วนที่พบไม่บอยได้แก่ โรคถึงน้ำที่ไตโดยเฉพาะชนิดที่เป็นกับผู้ใหญ่ซึ่งสามารถทำให้การทำงานของไตลดลงร่วมกับการมีไตขนาดใหญ่ขึ้นโดยมีถุงน้ำขนาดแตกต่างกันจำนวนมาก ถ้าพบว่ามีท่อไตโป่งพอง (มีการอุดตัน) ควรจะต้องหาตำแหน่งและสาเหตุของการอุดตันต่อ ถ้าอัลตร้าซาวด์ไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้ การตรวจอื่นๆ เช่น CT และ MRI จะมีบทบาท เมื่อสงสัยโรคของหลอดเลือดที่ไต เช่น หลอดเลือดแดงอุดตัน หรือมีลิ่มเลือดคั่งในหลอดเลือดดำ การใช้ spectral และ color doppler จะช่วยให้พบความผิดปกติได้
ในส่วนตัวคิดว่ามีความสำคัญมากเพราะหลายครั้งที่ทำอัลตร้าซาวด์แล้วพบว่ามีนิ่วที่ไต มีถุงน้ำที่ไต มีภาวะการอุดตันที่ท่อไต มีก้อนเนื้อหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งถ้าเราสามารถแก้ไขได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยก็จะไม่เกิดเป็นไตวายเรื้อรังต่อมา
Ref: http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16344727
เพื่อการเรียนรู้ medicine และสุขภาพที่ดีของประชาชน (community hospital) * เดิมคือ Phimaimedicine.blogspot.com * ตอนนี้มาปฏิบัติงานอยู่ที่ รพ. ขนอม นครศรีธรรมราชครับ
วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น