หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

1,370. Appropiate intravenous in cerebral infarction (hydration in cerebral infarction)

Appropiate intravenous in cerebral infarction

พบผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ-อุดตันได้บ่อย ๆ มาลองทบทวนสารน้ำที่ให้กันดูนะครับ...
ภาวะขาดสารน้ำในผู้ป่วยที่เกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันจะทำเกิดเลือดไปเลี้ยงที่สมองลดลงโดยเฉพาะที่บริเวณ ischemic penumbra (คือบริเวณเนื้อเยื่อที่มีการขาดเลือด ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดการตายของเนื้อเยื่อแต่มีศักยภาพที่จะสามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมได้) จะส่งผลให้เกิดการขาดเลือดมากขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ผู้ป่วยขาดน้ำมักเกิดจากเป็นช่วงที่ไม่สามารถรับประทานได้ มักเป็นผู้สูงอายุ อาจมีไข้ มีภาวะติดเชื้อร่วมด้วย
-Normal saline solution เป็นสารน้ำที่เหมาะสมในโรคหลอดเลือดสมองตีบ-อุดตัน แต่สามารถทำให้เกิด Hyperchloremic metabolic acidosis ถ้าให้ปริมาณมาก
-Lactated Ringer solution เป็นอีกทางเลือก ซึ่งไม่ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดเนื่องจากมี buffer แต่มี osmolality น้อยกว่า NSS จึงมักไม่ค่อยใช้ในโรคหลอดเลือดสมองตีบ-อุดตัน
-มีคำแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงสารน้ำที่มีมีำเด็กซ์โตสเนื่องจากบริเวณ ischemic penumbra  เป็นตำแหน่งที่ขาดอ็อกซิเจน การขาดอ็อกซิเจนและการมีเด็กซ์โตสจะทำให้ glycolysis เปลี่ยนเป็นแบบ anaerobic pathway ทำให้เกิดกรดแลกติกแทนที่จะได้ไพรูเวท เกิดการเป็นกรดในเนื้อเยื่อมากขึ้นส่งผลให้เลือดที่มาเลี้ยงสมองบริเวณนั้นลดลง จึงเกิดการขาดเลือดมากยิ่งขึ้น และมีการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันและมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงทำให้ลดการฟื้นตัวจากการขาดเลือดที่ penumbra ก่อให้เกิดผลลัพท์ที่ไม่ดี
-ส่วนสารที่เป็นคอลลอยด์ จะมีโมเลกุลใหญ่ ทำให้ไม่สามารถกระจายเข้าสู่ extravascular space จึงอยู่เฉพาะในหลอดเลือด และมีราคาแพง รวมทั้งมีความเสี่ยงเรื่องโอกาสการติดเชื้อเพราะทำมาจากคน และที่สำคัญคือไม่พบหลักฐานว่าการให้คอลลอยด์ได้ประโยชน์มากกว่าคริสตัลลอยด์
-ส่วนสารละลายที่มีโซเดียมและมีความเข้มข้นสูงกว่าในเลือด (hypertonic sodium solutions, และ hyperosmotic manitol) เนื่องจากเป็นสารที่ทำให้เกิดแรงออสโมติกโดยจะช่วยดึงน้ำออกจากเนื้อเยื่อ(osmotic agent) จะใช้ในการรักษาภาวะที่มีความดันของสมองที่สูงหรือภาวะสมองบวมเป็นหลัก


Ref: Stroke A practical approach
By: James D. Geyer
      Camilo R. Gomez

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น