ผมได้ review ดูคิดว่าอาจมีแนวทางการแก้ไขดังนี้ครับ
-อาจต้องตรวจ LDL โดยตรง
-สูตรคำนวณ Friedewald มีความถูกต้องแม่นยำลดลงเมื่อค่า TG มากกว่าหรือเท่ากับ 200 mg/dl) และไม่สามารถใช้คำนวณค่า LDL-cได้เมื่อค่า TG มากกว่าหรือเท่ากับ 400 mg/dl
ด้วยข้อจำกัดนี้เองก็มีผู้พยายามปรับปรุงสูตร Modified Friedewald formula โดย DeLong และคณะ นั่นคือ LDL-c (mg/dl) = Cholesterol (mg/dl)-HDL-c (mg/dl)-0.16 (หรือ 1/6)Triglyceride (mg/dl)
และวิธีคำนวณสูตร New Modified Friedewald formula โดยคนไทย Puavilai และ Laoragpongse สามารถใช้กับผู้ป่วยที่มีค่า triglyceride 200-499 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
นั่นคือ LDL-c (mg/dl) = Cholesterol (mg/dl)-HDL-c (mg/dl)-Triglyceride/6 (mg/dl)
หมายเหตุ
-ถ้าระดับ triglyceride ในเลือดอยู่ระหว่าง 200-499 มก./ดล. แนะนำให้ใช้ non-HDL-C เป็นเป้าหมายที่ 2 ต่อจาก LDL-C คือให้ non-HDL-C ต่ำกว่า 130 มก./ดล. (non-HDL-C คำนวณจากการลบ HDL-C ออกจากคอเลสเตอรอลรวม)
-ถ้าระดับ non-HDL-C ในเลือดยังสูงกว่าเป้าหมายในขณะได้ยา statin ขนาดสูง พิจารณาให้ยากลุ่ม fibrate หรือ niacin ร่วมด้วย
-ในกรณีระดับ triglyceride ในเลือดเท่ากับหรือสูงกว่า 500 มก./ดล. ให้พิจารณาเริ่มยากลุ่ม fibrate หรือ niacin ก่อนยากลุ่ม statin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น