ชาย 70 ปี เป็น gout แต่แพ้ยา allopurinol โดยเป็นผื่นทั้งตัว ผล Lab เป็นดังนี้ ตอนนี้ไม่มีข้ออักเสบ รับประทาน colchicine (0.6) 1 x 1 คิดว่าจะต้องให้ยาใดเพิ่มเพื่อให้การรักษาผู้ป่วย
ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ: ตอบมาได้ละเอียดดี งั้นขอเพิ่มเติมนะครับ
ควรพิจารณาให้ยาลดกรดยูริก เมื่อ
1. มีข้ออักเสบกำเริบมากกว่า 3 ครั้ง/ปี โดยที่ผู้ป่วยได้รับยา colchicin รับประทานเพื่อป้องกันการเป็นกลับซ้ำแล้วทุกวัน
2. มีปุ่มโทฟัส
3. มีนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
4. ระดับกรดยูริกในเลือดเท่ากับหรือมากกว่า 9.0 มก/ดล
5. มีการขับกรดยูริกออกทางไตเท่ากับหรือมากกว่า 800 มก/วัน
แนวทางการใช้ยาเร่งการขับกรดยูริก (Uricosuric agents)
1. อายุน้อยกว่า 60 ปี
2. หน้าที่การทํางานของไตปกติ (การใช้ยา probenecid ควรมีค่า CCr มากกว่า 80 cc/min การใช้ยา benzpromarone ควรมีค่า CCr มากกว่า 30 cc/min)
3. มีการขับกรดยูริกออกทางไตน้อยกว่า 800 มก./วัน
4. ไม่มีประวัติหรือตรวจพบนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
แนวทางการใช้ยายับยั้งการสร้างกรดยูริก (Xanthine oxidase inhibitor หรือ allopurinol)
1. มีปุ่มโทฟัส
2. มีการขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะมากกว่า 800 มก./วัน
3. มีประวัติหรือตรวจพบนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
4. ใช้ยาเร่งการขับกรดยูริกออกทางไตไม่ได้ผล
ขนาดของยาลดกรดยูริก
1. Probenecid ขนาด 1000-2000 มก./วัน แบ่งให้วันละ 2-3 ครั้ง
2. Benzbromarone ขนาด 25-100 มก./วัน ให้วันละครั้ง
3. Allopurinol ขนาด 100-300 มก./วัน ให้วันละครั้ง
ข้อควรระวังระหว่างการใช้ยา
1. การให้ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ควรระวังในผู้ป่วยสูงอายุ (มากกว่า 60 ปี) มีประวัติหรือมีแผลในกระเพาะอาหาร มีการทำงานของไตบกพร่อง (ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช้สเตีย-รอยด์ชนิดฉีดจะมีผลต่อการทำงานของไตมากกว่ายาต้านอักเสบชนิดไม่ใชสเตียรอยด์ที่ให้ด้วยการรับประทาน)
2. หลีกเลี่ยงการใช้ยา probenecid และ benzpromarone กับยา penicillin, ampicillin, dapsone, acetazolamide
3. การใช้ยา 6-mercaptopurine และ azathioprine ร่วมกับยา allopurinol ให้ลดขนาดยา
6-mercaptopurine และ azathioprine ลงครึ่งหนึ่ง
http://www.mnrh.in.th/site_data/mykku_hos/message/1253576076-hyperuricemia-gout.doc
เพื่อการเรียนรู้ medicine และสุขภาพที่ดีของประชาชน (community hospital) * เดิมคือ Phimaimedicine.blogspot.com * ตอนนี้มาปฏิบัติงานอยู่ที่ รพ. ขนอม นครศรีธรรมราชครับ
วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1.Desensitization to allopurinol กรณี mild allergy
ตอบลบ2. Uricosuric agents eg. probenecid, benzbromarone
หากผู้ป่วยแพ้ยา allopurinol สามารจ่ายยา Probenecid หรือ Sulfinpyrazone ที่เป็นยาในกลุ่ม Uricosuric agent โดยมีกลไกคือการเร่งการขับ uric acid ออก โดย
ตอบลบProbenecid เป็นยาที่สามารถดูดซึมได้ดีที่ทางเดินอาหาร ขนาดยาที่ใช้คือ 250 mg once daily ในช่วงสัปดาห์แรก จากนั้นจึงปรับขนาดยาเป็น 500 mg วันละ 2 ครั้ง
Sulfinpyrazone ( Anturane) ซึ่งการให้ยาก็จำเป็นจะต้องมีการให้แบบค่อยๆเพิ่มขนาดยาขึ้นคล้ายๆกับการให้ยา Probenecid
เนื่องจากยากลุ่มนี้ที่เร่งการขับออกของ Uric acid นั้นอาจก่อให้เกิด การสะสมเป็น urate stone ในไตได้ ดังนั้นควรแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำตามมากๆ โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร2 หรือการทำให้ปัสสาวะมี pH > 6 ซึ่งจะสามารถเพิ่มการละลายของ Uric acid ได้โดยการใช้ sodium bicarbonate ( 1 g วันละ 3-4 ครั้ง )โดยที่ยาในกลุ่ม Uricosuric agent นี้ไม่ควรใช้ในการรักษาภาวะ hyperuricemia ที่เกิดจากการได้รับยา chemotherapy เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงของ uric acid nephropathy1
ข้อห้ามใช้ของยาในกลุ่ม Uricosuric agent ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีค่า Clcr < 30 mL/min คือมีการขับของ Uic acid มากกว่า 1000 mg/day2มีรายงานว่าการใช้ยา Oxipurinol ซึ่งเป็นmetabolite ของตัวยา allopurinol ในการรักษาผู้ป่วยที่แพ้ยา allopurinol แล้วพบว่าผู้ป่วยมีอาการแพ้เกิดขึ้นคือ มีผื่นตามร่างกายจากรายงานกล่าวว่าเนื่องจากผู้ป่วยที่เคยได้รับยา allopurinol และ oxipurinol ซึ่งจัดเป็น metabolite ของallopurinol ดังนั้นการเกิดจึงเกิดผ่านกลไกระบบภูมิคุ้มกันทำให้ผู้ป่วยแพ้ยาข้ามกลุ่มได้