หญิง 47 ปี ไข้ 2 สัปดาห์ ยังไม่ทราบสาเหตุผล Lab เป็นดังนี้, lab นี้มีสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างไรบ้าง แปลผลอย่างไรWidal test ใช้ตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคไทฟอยด์โดยอาศัยแอนติเจน 2 ชนิดคือ O-antigen และ H-antigen ของเชื้อ Salmonella typhi แอนติบอดีต่อส่วน O-antigen ส่วนใหญ่เป็นชนิด IgM ซึ่งเกิดได้เร็วแต่อยู่ได้ไม่นาน (มีช่วยครึ่งอายุประมาณ 5 วัน) ในขณะที่แอนติบอดีต่อส่วน H-antigen ส่วนใหญ่เป็นชนิด IgG ซึ่งเกิดขึ้นช้ากว่า และอยู่ได้นานกว่า (มีช่วงครึ่งชีวิตประมาณ 28 วัน)
การแปลผลตรวจ
1. แอนติบอดีต่อทั้ง O-antigen และ H-antigen ต่ำกว่าค่า significant titer (O มากกว่าหรือเท่ากับ 80, H มากกว่าหรือเท่ากับ 160) แสดงว่าปกติหรืออาจจะเป็นโรคในระยะเริ่มแรกซึ่งระดับแอนติบอดียังขึ้นไม่สูง
2. แอนติบอดีสูงกว่าค่า significant titer ทั้งสองค่า แสดงว่ากำลังเป็นโรคไทฟอยด์
3. แอนติบอดีต่อ H-antigen เพียงอย่างเดียวที่สูงกว่าค่า significant titer แสดงว่าหายจากการเป็นโรคไทฟอยด์แล้ว หรือเคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์มาก่อน
สาเหตุที่ห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลบางแห่งเลิกตรวจ Widal test โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประโยชน์นั้น เข้าใจว่าน่าจะมีเหตุผลจาก
1. หากเป็นการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคควรเลิกตรวจ Widal test ดีหรือไม่เพราะเห็นว่าห้องปฏิบัติการ
ในบางโรงพยาบาลเลิกตรวจแล้ว ผศ. ปกรณ์ ไทยานันท์* ว่ากำลังเป็นอยู่หรือไม่นั้น สามารถใช้การเพาะเลี้ยงเชื้อ (bacterial culture) ซึ่งทราบผลได้เร็วกว่าและแน่นอนกว่า แต่การตรวจ Widal test เป็นการตรวจ
เพื่อหาระดับแอนติบอดีนั้น ต้องใช้เวลานาน 7-10วันจึงจะตรวจพบแอนติบอดีในซีรัมได้
2. หากเป็นการตรวจเพื่อให้ทราบว่าเคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อนหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ใด เพราะปัจจุบันไม่มีการฉีดวัคซีนดังกล่าวนี้แล้ว เนื่องจากพบว่าไม่สามารถป้องกันโรคได้
3. หากเป็นการตรวจเพื่อให้ทราบว่าเคยเป็นและหายจากโรคไทฟอยด์มาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นโรงพยาบาลทั่วไปอาจจะไม่จำเป็น เพราะต้องการเพียงแค่การรักษาผู้ที่กำลังเป็นโรค แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ซึ่งต้องรักษาผู้ป่วยและยังต้องศึกษาไปถึงระบาดวิทยาของโรคด้วยการตรวจหาแอนติบอดีต่อ H antigen ยังมีความจำเป็น หรือในบางครั้งที่ผู้ป่วยมีอาการบ่งชี้ แต่การเพาะเลี้ยงเชื้อให้ผลลบ การตรวจ Widal testจะช่วยได้ในกรณีนี้
โดยสรุปแล้ว ถ้าเป็นการตรวจเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคไทฟอยด์จะใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อเพียงอย่างเดียวก็ได้ และหากต้องการยืนยัน การตรวจฉพาะแอนติบอดีต่อ O antigen ก็เพียงพอ แต่หากต้องการศึกษาระบาดวิทยาของโรค ควรตรวจหาแอนติบอดีต่อ H antigen ด้วยจะมีประโยชน์
http://www.medchula.com/question.asp?class=58&GID=645
เพื่อการเรียนรู้ medicine และสุขภาพที่ดีของประชาชน (community hospital) * เดิมคือ Phimaimedicine.blogspot.com * ตอนนี้มาปฏิบัติงานอยู่ที่ รพ. ขนอม นครศรีธรรมราชครับ
วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น